สำหรับธุรกิจที่มีการจัดเก็บและกระจายสินค้า การคำนวณพื้นที่โกดังเช่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมจะทำให้จัดเก็บและกระจายสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีความเป็นระบบ ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า บทความนี้จะมาช่วยแนะนำ 5 วิธีคำนวณพื้นที่โกดังเช่าให้เหมาะสมกับศูนย์กระจายสินค้า เพื่อให้เราสามารถเลือกโกดังให้เช่าที่เหมาะกับธุรกิจของเรามากที่สุด
1. วิเคราะห์ปริมาณสินค้าคงคลัง
เริ่มต้นด้วยการประเมินปริมาณสินค้าที่ต้องจัดเก็บในช่วงเวลาหนึ่ง คำนึงถึงขนาด น้ำหนัก และลักษณะของสินค้า เพื่อกำหนดพื้นที่ที่เพียงพอสำหรับการจัดเก็บ โดยวิเคราะห์ความต้องการเฉลี่ยจากยอดขายหรือการกระจายสินค้า เพื่อให้ทราบปริมาณสินค้าเฉลี่ยที่ต้องเก็บในโกดัง
นอกจากนี้ พื้นที่ที่ใช้ในการเก็บสินค้ายังขึ้นอยู่กับอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลัง (Inventory turnover) หากสินค้ามีอัตราหมุนเวียนสูง แปลว่าสินค้านั้นสามารถขายออกได้อย่างรวดเร็ว สินค้าประเภทนี้ย่อมใช้พื้นที่ในการจัดเก็บน้อยกว่าสินค้าที่คงคลังนานๆ
ตัวอย่างการคำนวณพื้นที่โกดังเช่า เช่น ถ้าต้องจัดเก็บสินค้าขนาด 1 ลูกบาศก์เมตรจำนวน 500 ชิ้น เราจะต้องมีพื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้าอย่างน้อย 500 ลูกบาศก์เมตร
2. คำนวณพื้นที่จัดเก็บสุทธิ
พื้นที่จัดเก็บสุทธิหมายถึงพื้นที่ที่ใช้ในการวางสินค้าโดยตรง โดยไม่รวมพื้นที่สำหรับการเดินทางหรือพื้นที่บริการอื่นๆ การคำนวณนี้ช่วยให้ทราบถึงพื้นที่ที่ต้องการจริงๆ สำหรับสูตรในการคำนวณพื้นที่เบื้องต้นคือ
พื้นที่จัดเก็บสุทธิ = (จำนวนสินค้า x ขนาดต่อชิ้น) ÷ ความสูงที่ใช้จัดเก็บ
ตัวอย่างการคำนวณพื้นที่โกดังเช่า เช่น มีสินค้า 1,000 ชิ้น ขนาดชิ้นละ 0.5 ลูกบาศก์เมตร และสามารถวางซ้อนกันได้สูง 5 ชั้น พื้นที่จัดเก็บสุทธิ = (1,000 x 0.5) ÷ 5 = 100 ตารางเมตร
3. พิจารณาความสูงของโกดัง
การใช้ความสูงของโกดังให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการจัดเก็บในแนวตั้ง เช่น การใช้ชั้นวางสินค้า (racking system) ช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บโดยไม่ต้องขยายพื้นที่ในการเช่ามากขึ้น หากเลือกติดตั้งชั้นวางที่เหมาะสมกับสินค้าจะสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้ถึง 2 – 3 เท่า อย่าลืมคิดถึงความสูงของโกดัง น้ำหนักที่ชั้นวางสามารถรับได้ และรถสำหรับเคลื่อนย้ายสินค้า เช่น รถยก (Forklift) เพื่อให้จัดเก็บสินค้าได้อย่างสะดวกปลอดภัยยิ่งขึ้น
4. วางแผนพื้นที่สำหรับการดำเนินงาน
นอกจากพื้นที่จัดเก็บแล้ว ควรจัดสรรพื้นที่สำหรับการดำเนินงานอื่นๆ เช่น พื้นที่รับและส่งสินค้า พื้นที่บรรจุภัณฑ์ และพื้นที่สำนักงาน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น ดังนี้
- พื้นที่รับ-ส่งสินค้า ต้องเพียงพอสำหรับรถบรรทุกหรือยานพาหนะที่เข้ามา
- พื้นที่บรรจุภัณฑ์ สำหรับการเตรียมสินค้าก่อนการจัดส่ง
- พื้นที่สำนักงาน ในกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในโกดัง
แนะนำว่าควรมีพื้นที่ 20% – 30% ของพื้นที่ทั้งหมด สำหรับการดำเนินงานต่างๆ ในการจัดการสินค้า เพื่อไม่ให้การทำงานติดขัด
5. เผื่อพื้นที่สำหรับการขยายในอนาคต
ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักมีการเติบโตในอนาคต การเผื่อพื้นที่สำหรับการขยาย เช่น การเพิ่มจำนวนสินค้าหรือประเภทสินค้า จะช่วยลดความยุ่งยากในการหาโกดังใหม่ ลองวางแผนเผื่อพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 10% – 20% จากพื้นที่จัดเก็บสุทธิในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้เราปรับแผนการขยายธุรกิจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
การคำนวณพื้นที่โกดังเช่าอย่างเหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ศูนย์กระจายสินค้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวางแผนที่ดีช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดความเสี่ยงจากการเช่าพื้นที่ที่ไม่เพียงพอหรือลงทุนเกินความจำเป็น เพิ่มความรวดเร็วในการกระจายสินค้า และรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เช่าโกดังต่อตารางเมตร คำนวณยังไง และอะไรที่ส่งผลต่อราคาค่าเช่า
- เปรียบเทียบค่าเช่ารายเดือน-รายปี เช่าโกดังสินค้าแบบไหนถึงจะคุ้ม
- “ค่าใช้จ่ายแฝงโกดังเช่า” คืออะไร ทำไมเราถึงไม่ควรมองข้าม
PARK FACTORY ผู้ให้บริการขายโกดัง และให้เช่าโกดังโรงงานสำหรับ SME ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล
หากคุณกำลังมองหาโกดังคลังสินค้า ที่ Park Factory เราเป็นผู้ให้บริการโกดังโรงงานสำหรับ SME ด้วยโครงการสีเขียว สภาพแวดล้อมสวยงามน่าอยู่ ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของโกดังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างอาคาร หรือ Landscape ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้ผู้เช่าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด → เข้าชมโครงการ
ช่องทางการติดต่อ PARK FACTORY
ที่ตั้ง : 176 ซอยกาญจนาภิเษก 5 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160
เบอร์โทรติดต่อ : 092-379-7444, 081-751-4440
อีเมล์ : property.user14@gmail.com
Google Map : https://maps.app.goo.gl/STYgHNRPHGAZZ6SX8