ระบบ IoT คืออะไร ทำไมคลังสินค้ายุคใหม่ถึงเลือกใช้

คลังสินค้า หรือ ระบบ WMS (Warehouse Management System) ในปัจจุบัน สามารถทำได้ตั้งแต่การรับสินค้าเข้า การจัดเก็บ การหยิบสินค้า การบรรจุหีบห่อ ไปจนถึงการจัดส่งสินค้า ทำให้สามารถจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ถึงแม้ระบบคลังสินค้าในปัจจุบัน จะทำงานได้ดีถึงขนาดนี้ หลายบริษัทก็ยังไม่หยุดพัฒนา ล่าสุดจึงได้มีการเริ่มเอา ระบบ IoT เข้ามาใช้ร่วมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้การจัดดารคลังสินค้ามีประสิทธิภาพขึ้นไปอีก หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมแค่เพิ่ม ระบบ IoT เข้ามา ก็สามารถช่วยให้การจัดการคลังสินค้ามีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่าเดิมได้

ก่อนอื่นเราไปทำความรู้ักกับระบบ IoT กันก่อนดีกว่า จะได้เข้าใจกันมากขึ้น ว่าทำไมระบบนี้ถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการระบบคลังสินค้าได้

ระบบ IoT คืออะไร

ระบบ IoT (Internet of Things) คือเครือข่ายของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้สามารถรวบรวม แลกเปลี่ยน และวิเคราะห์ข้อมูลได้โดยอัตโนมัติ ทำให้เกิดประสิทธิภาพและความแม่นยำในการดำเนินงานที่สูงขึ้น ในคลังสินค้า ระบบ IoT เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการสินค้าคงคลัง การขนส่ง และการดำเนินงานโดยรวมอย่างมาก

องค์ประกอบหลักของระบบ IoT

  1. อุปกรณ์ (Devices) 

อุปกรณ์เซ็นเซอร์ตรวจจับสภาพแวดล้อม อุปกรณ์สวมใส่ อุปกรณ์เหล่านี้มีชิปคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถรวบรวมและส่งข้อมูลได้

  1. การเชื่อมต่อ (Connectivity) 

ใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อต่างๆ เช่น Wi-Fi, Bluetooth, Zigbee และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์อื่นๆ

  1. แพลตฟอร์ม (Platform)

ทำหน้าที่จัดการอุปกรณ์ IoT รวบรวมและประมวลผลข้อมูล และให้บริการต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การควบคุมอุปกรณ์ และการแจ้งเตือน

  1. แอปพลิเคชัน (Applications)

 เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่รวบรวมโดยอุปกรณ์ IoT เพื่อการควบคุมบ้านอัจฉริยะ การติดตามสุขภาพ และการจัดการพลังงาน

หลักการทำงานของระบบ IoT

ระบบ IoT ทำงานโดยการใช้เซนเซอร์เพื่อตรวจจับข้อมูลต่างๆ แล้วแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ข้อมูลที่ได้จะถูกส่งไปประมวลผลที่คลาวน์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ผ่านการเชื่อมเต่อ Wi-Fi, Bluetooth หรืออื่นๆ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งในกระบวนการนี้มักจะใช้ Ai เพื่อให้ระบบสามารถเรียนรู้และปรับปรุงการทำงานเองได้

หลังจากการประมวลผลข้อมูล ระบบ IoT จะนำข้อมูลที่ได้รับไปประยุกต์ใช้กับแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น ระบบปรับอากาศอัจฉริยะอาจปรับอุณหภูมิห้องโดยอัตโนมัติตามสภาพอากาศภายนอก หรือระบบไฟอัจฉริยะอาจปิดไฟเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง

เหตุผลที่คลังสินค้ายุคใหม่เลือกใช้ระบบ IoT

  1. การจัดการสินค้าคงคลังอัจฉริยะ

ระบบ IoT ช่วยให้คลังสินค้าสามารถติดตามสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ทราบปริมาณสินค้าคงเหลือ ตำแหน่งที่เก็บ และการเคลื่อนไหวของสินค้าได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้การวางแผนการสั่งซื้อ การจัดเก็บ และการจัดส่งสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาสินค้าขาดหรือเกิน

  1. การเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง

ระบบ IoT ช่วยในการติดตามตำแหน่งของรถขนส่งสินค้า คำนวณเส้นทางที่ดีที่สุด และวางแผนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดระยะเวลาในการขนส่ง ประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

  1. การตรวจสอบสภาพแวดล้อม

ระบบ IoT ช่วยในการตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายในคลังสินค้า เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และแสงสว่าง เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าจะถูกเก็บรักษาในสภาพที่เหมาะสม ป้องกันความเสียหาย และรักษาคุณภาพของสินค้า

  1. การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์

ระบบ IoT ช่วยในการตรวจสอบสภาพการทำงานของอุปกรณ์และเครื่องจักรภายในคลังสินค้า ทำให้สามารถคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และทำการบำรุงรักษาได้ล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดความเสียหาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม และเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์

  1. การวิเคราะห์ข้อมูล

ระบบ IoT ช่วยในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในคลังสินค้า ทำให้สามารถระบุรูปแบบและแนวโน้มต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น นำข้อมูลไปใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุน

การใช้งานระบบ IoT ร่วมกับระบบ WMS

WMS หรือ Warehouse Management System คือระบบซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการจัดการคลังสินค้า ตั้งแต่การรับสินค้าเข้า การจัดเก็บ การหยิบสินค้า การบรรจุหีบห่อ ไปจนถึงการจัดส่งสินค้า โดยระบบ WMS จะช่วยให้การจัดการคลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความผิดพลาด และเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน

การนำระบบ IoT มาใช้งานร่วมกันกับระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) สามารถทำได้ โดยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT กับบระบบ WMS ผ่านการเชื่อมต่อต่าง ไม่ว่าจะเป็น Wi-Fi หรือ Bluetooth จะทำให้การรวบรวมข้อมูลมีความถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น และด้วยการใช้ AI ในระบบ IoT ทำให้การจัดการคลังสินค้าเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ส่งผลให้การทำงานของระบบจัดการคลังสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม

ระบบ IoT เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของคลังสินค้ายุคใหม่ ทำให้การจัดการสินค้าคงคลัง การขนส่ง และการดำเนินงานโดยรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว แม่นยำ และประหยัดต้นทุนมากขึ้น การลงทุนในระบบ IoT จึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่าในระยะยาว สำหรับระบบคลังสินค้าที่ต้องการก้าวไปสู่ความทันสมัยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในยุคดิจิทัล

บทความที่เกี่ยวข้อง

PARK FACTORY ผู้ให้บริการการขายโกดัง และให้เช่าโกดังโรงงานสำหรับ SME ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล

หากคุณกำลังมองหาโกดังคลังสินค้า ที่ Park Factory เราเป็นผู้ให้บริการโกดังโรงงานสำหรับ SME ด้วยโครงการสีเขียว สภาพแวดล้อมสวยงามน่าอยู่ ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของโกดังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างอาคาร หรือ Landscape ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้ผู้เช่าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด → เข้าชมโครงการ

ช่องทางการติดต่อ PARK FACTORY 

ที่ตั้ง : 176 ซอยกาญจนาภิเษก 5 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160
เบอร์โทรติดต่อ : 092-379-7444, 081-751-4440
อีเมล์ : property.user14@gmail.com
Google Map : https://maps.app.goo.gl/STYgHNRPHGAZZ6SX8 

Scroll to Top