ค่าเช่าโกดังเป็นค่าใช้จ่ายประเภทใด ก่อนยื่นภาษีควรรู้ไว้

ค่าเช่าโกดังเป็นค่าใช้จ่ายประเภทใด ก่อนยื่นภาษีควรรู้ไว้

การเป็นเจ้าของกิจการ มักจะมีหน้าที่การรับผิดชอบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องของการจัดการเงิน ซึ่งภาษี เป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญอย่างมากที่เจ้าของกิจการต้องทำความรู้จักไว้ ภาษีนั้นเป็นค่าใช้จ่ายทางการเงิน จะถูกจัดเก็บ โดยรัฐหรือหน่วยงานที่เทียบเท่าในหน้าที่ของรัฐเพื่อเป็นทุนสำหรับค่าใช้จ่ายสาธารณะต่างๆ ภาษีโดยทั่วไปแบ่งออกเป็นสองประเภท: ทางตรงและทางอ้อม ภาษีทางตรงเรียกเก็บจากรายได้ของบุคคลหรือธุรกิจ ในขณะที่ภาษีทางอ้อมเรียกเก็บจากการขายสินค้าและบริการนั้นเอง

ค่าเช่าโกดังเป็นค่าใช้จ่ายประเภทใด

ค่าใช้จ่ายในการเช่าโกดัง หรือการเช่าโรงงานถูกจัดไว้ในประเภทของ “ค่าเช่า” โดยปกติแล้ว เป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมและธุรกิจ ค่าเช่าเองก็ถูกคิดแยกออกมาอยู่แล้ว ราคาก็ขึ้นอยู่ตามความเหมาะสมที่ทางผู้เช่าจะตั้งไว้ ส่วนใหญ่จะเป็น หน่วยตารางเมตรต่อเดือนตามขนาดพื้นที่โรงงานหรือโกดัง ซึ่งตัวค่าเช่าตัวนี้ จะไม่รวมเป็นภาษี

ค่าใช้จ่ายในการเช่าโกดังหรือโรงงาน ถือเป็น “ค่าเช่า” ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายประเภทหนึ่งที่แยกออกมาต่างหาก โดยปกติแล้ว อสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้จัดอยู่ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมและธุรกิจ

การคิดค่าเช่า

ค่าเช่าโกดังและโรงงานส่วนใหญ่จะคิดเป็นหน่วย ตารางเมตรต่อเดือน โดยพิจารณาจากขนาดพื้นที่ของโรงงานหรือโกดังนั้น ๆ ราคาค่าเช่าจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น

  • ทำเลที่ตั้ง: โกดังหรือโรงงานที่อยู่ในทำเลดี ใกล้แหล่งขนส่ง หรือย่านธุรกิจ มักจะมีค่าเช่าสูงกว่า
  • ขนาดพื้นที่: พื้นที่ขนาดใหญ่ย่อมมีค่าเช่าสูงกว่าพื้นที่ขนาดเล็ก
  • สภาพของอาคาร: อาคารที่สร้างใหม่ สภาพดี หรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มักมีค่าเช่าสูงกว่าอาคารเก่า
  • บริการเสริม: บางแห่งอาจมีบริการเสริม เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย ที่จอดรถ หรือพื้นที่สำนักงาน ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ค่าเช่าไม่รวมภาษี

โดยทั่วไปแล้ว ค่าเช่าโกดังและโรงงานจะไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งผู้เช่าจะต้องจ่ายแยกต่างหาก

สรุปค่าเช่าโกดัง

การเช่าอสังหาริมทรัพย์ เช่น เช่าอาคาร เช่าโรงงาน เช่าโกดัง จะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ต้องมานั่งคำนวณให้เสียเวลา แต่ในส่วนอื่นนอกเหนือจากค่าเช่า ยกตัวอย่าง ค่าส่วนกลาง ค่าบำรุงรักษาทรัพย์สินที่เช่า หากผู้ให้เช่ามีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ค่าบริการจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมีอัตราร้อยละ 7 หรือที่เราเรียกกันอีกชื่อว่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) นั้นเอง

Scroll to Top